เต่าซูคาต้าเป็นเต่าบกขนาดใหญ่อันดับต้นๆ ของโลก มีถิ่นกำเนิดในแถบทะเลทรายและทุ่งหญ้าแห้งแล้งของทวีปแอฟริกา ด้วยขนาดที่สามารถเติบโตได้ถึง 36 นิ้วและมีน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม ทำให้การเลี้ยงดูเต่าชนิดนี้ต้องอาศัยความเข้าใจและความใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ อย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ซึ่งมีผลโดยตรงต่อสุขภาพ การเจริญเติบโต และอายุขัยของเต่าซูคาต้า
หลักการพื้นฐานในการให้อาหารเต่าซูคาต้า
หัวใจสำคัญของการให้อาหารเต่าซูคาต้าคือการเลียนแบบอาหารตามธรรมชาติของพวกมันให้มากที่สุด ในถิ่นอาศัย เต่าซูคาต้าจะกินหญ้า พืชใบเขียว และพืชที่มีเส้นใยสูงเป็นหลัก อาหารเหล่านี้มีโปรตีนต่ำ ไขมันต่ำ และมีแคลอรี่ต่ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสุขภาพที่ดีของพวกมัน การให้อาหารที่ไม่เหมาะสมอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น การเจริญเติบโตที่เร็วเกินไป , ปัญหาเกี่ยวกับไตและตับ, และนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
สนใจซื้อลูกเต่าซูคาต้า ราคาถูก คลิกเพิ่มเพื่อน แล้วทักไลน์ได้เลยจ้า
หลักการสำคัญที่ควรจดจำ:
- เน้นหญ้าและพืชที่มีเส้นใยสูง: อาหารหลักควรประกอบด้วยหญ้าสดและหญ้าแห้งคุณภาพดี เช่น หญ้าทิโมธี หญ้าออร์ชาร์ด และหญ้าสนามที่ไม่มียาฆ่าแมลง
- จำกัดผักใบเขียว: ผักใบเขียวเข้ม เช่น ผักบุ้งจีน ใบตำลึง ใบหม่อนสามารถให้ได้ในปริมาณที่น้อยกว่าหญ้า
- ให้ผลไม้น้อยที่สุด: ผลไม้มีน้ำตาลสูง ซึ่งไม่เหมาะกับระบบย่อยอาหารของเต่าซูคาต้า ควรให้เป็นครั้งคราวในปริมาณที่น้อยมาก
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโปรตีนสูง: อาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น อาหารสุนัข อาหารแมว หรือพืชตระกูลถั่ว เป็นอันตรายต่อเต่าซูคาต้า
- เสริมแคลเซียม: เต่าซูคาต้าต้องการแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของกระดูกและเปลือก ควรโรยผงแคลเซียมที่ปราศจากวิตามิน D3 บนอาหาร 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
- ให้วิตามินเสริมเป็นครั้งคราว: วิตามินรวมสำหรับสัตว์เลื้อยคลานสามารถให้ได้สัปดาห์ละครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเต่าที่เลี้ยงในที่ร่มและไม่ได้รับแสงแดดธรรมชาติเพียงพอ
- มีน้ำสะอาดให้ตลอดเวลา: เต่าซูคาต้าต้องการน้ำสะอาดเพื่อดื่มและแช่ตัว
อาหารที่เหมาะสม: เต่าซูคาต้าเป็นสัตว์กินพืช อาหารหลักของพวกมันควรประกอบไปด้วย:
- หญ้าแห้ง: หญ้าแห้งคุณภาพดี เช่น หญ้าทิมโมธี หญ้าอัลฟัลฟ่า หรือหญ้าแพงโกล่า ควรเป็นองค์ประกอบหลักของอาหาร ประมาณ 70-80% ของปริมาณอาหารทั้งหมด
- ผักใบเขียว: ผักใบเขียวหลากหลายชนิด เช่น ใบและลูกหม่อน ตำลึง ผักบุ้ง ผักกวางตุ้ง ควรเสริมให้เต่ากินเป็นประจำ ประมาณ 20-30% ของปริมาณอาหารทั้งหมด
- ดอกไม้: ดอกไม้ป่าชนิดที่ปลอดภัย เช่น ดอกอัญชัน ดอกดาวเรือง ดอกทานตะวัน สามารถเสริมให้เต่ากินเป็นอาหารว่างได้บ้าง
- ผลไม้: ผลไม้บางชนิด เช่น แอปเปิ้ล กล้วย สตรอเบอร์รี่ แตงโม สามารถเสริมให้เต่ากินเป็นอาหารว่างได้บ้าง แต่ไม่ควรให้มากเนื่องจากมีน้ำตาลสูง
- ผักและผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง เช่น องุ่น ลูกเกด มะม่วง เนื่องจากอาจทำให้อ้วนและเป็นโรคเบาหวาน
- พืชมีพิษ เช่น เฟิร์น ว่านหางจระเข้ ยี่โถ้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพืชทั้งหมดในบริเวณที่อยู่อาศัยของเต่าปลอดภัย
สัดส่วนอาหาร
- เต่าซูคาต้าที่ยังเด็ก (อายุต่ำกว่า 1 ปี) ควรได้รับอาหารประมาณ 5-6% ของน้ำหนักตัวต่อวัน
- เต่าซูคาต้าวัยรุ่น (อายุ 1-3 ปี) ควรได้รับอาหารประมาณ 3-4% ของน้ำหนักตัวต่อวัน
- เต่าซูคาต้าที่โตเต็มวัย (อายุมากกว่า 3 ปี) ควรได้รับอาหารประมาณ 2-3% ของน้ำหนักตัวต่อวัน
วิธีให้อาหาร
- ควรให้อาหารเต่าซูคาต้าในตอนเช้า
- แบ่งอาหารออกเป็น 2-3 มื้อต่อวัน
- เตรียมอาหารสดใหม่ทุกวัน
- ล้างผักและผลไม้ให้สะอาดก่อนให้อาหาร
- วางอาหารในจานแบนกว้าง
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเต่าทุกตัวมีโอกาสกินอาหารอย่างเพียงพอ
- เติมน้ำสะอาดให้เต่าได้ดื่มตลอดเวลา
อาหารเสริม
- ควรเสริมแคลเซียมให้เต่าซูคาต้าเป็นประจำ เนื่องจากจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระดูก
- วิตามิน D3 จำเป็นต่อการดูดซึมแคลเซียม
- เต่าที่อาศัยอยู่ในร่มอาจจำเป็นต้องได้รับแสงไฟ UVB เพิ่มเติมเพื่อสังเคราะห์วิตามิน D3
การติดตามสุขภาพ
- ควรชั่งน้ำหนักเต่าซูคาต้าเป็นประจำเพื่อติดตามการเจริญเติบโต
- ควรวัดขนาดเพื่อติดตามการเจริญเติบโต
- สังเกตพฤติกรรมการกินของเต่า
ข้อควรจำ: ควรสังเกตปริมาณอาหารที่เต่ากิน หากเต่ากินอาหารหมดอย่างรวดเร็ว อาจเพิ่มปริมาณได้เล็กน้อย หากมีอาหารเหลือมาก ควรลดปริมาณลง
สนใจซื้อลูกเต่าซูคาต้า ราคาถูก คลิกเพิ่มเพื่อน แล้วทักไลน์ได้เลยจ้า
สรุป
การให้อาหารเต่าซูคาต้าอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพและอายุขัยของพวกมัน การเน้นหญ้าและพืชที่มีเส้นใยสูง ควบคู่ไปกับการจำกัดผักและผลไม้ และการเสริมแคลเซียมอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เต่าซูคาต้าของคุณมีสุขภาพที่แข็งแรงและเติบโตอย่างสมบูรณ์ การสังเกตพฤติกรรมการกินและปรับเปลี่ยนอาหารให้เหมาะสมกับช่วงวัยและความต้องการของเต่าแต่ละตัว ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม